fbpx

[รหัสลับช่าง]: 3 เหตุผลที่เบาะนั่งหนังเทียม PVC “ทนการสึกหรอ” ได้ดีกว่า Microfiber ในราคาที่จับต้องได้

ภาพเปรียบเทียบเบาะนั่งหนังเทียม PVC กับเบาะ Microfiber แสดงให้เห็นความแตกต่างด้านความทนทาน สี และพื้นผิวสัมผัส โดยเน้นคุณสมบัติของหนังเทียม PVC ที่แข็งแรง ทนรอยขีดข่วน และเช็ดทำความสะอาดได้ง่าย เหมาะสำหรับงานตกแต่งภายใน เฟอร์นิเจอร์ และเบาะรถยนต์

ใครที่เคยซื้อโซฟา เบาะรถ หรือเก้าอี้สำนักงาน แล้วพบว่า “ผิวหนังหลุดเป็นขุยภายในไม่กี่เดือน” คงเข้าใจดีว่าวัสดุที่เราเลือกตั้งแต่แรกมีผลต่ออายุการใช้งานอย่างมาก

และหลายคนอาจคิดว่า Microfiber หรือ หนังแท้ คือวัสดุที่ดีที่สุด แต่ความจริงแล้ว…ในหลายกรณี “หนังเทียม PVC” กลับให้ความทนทาน คุ้มค่า และดูหรูได้ไม่แพ้เลยโดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับงานที่ต้องการ “ความแข็งแรงและราคาที่เข้าถึงได้” เช่น งานตกแต่งภายใน รถยนต์ เฟอร์นิเจอร์สำนักงาน และงานเบาะกลางแจ้ง

วันนี้เราจะพาทุกคนมาถอด “รหัสลับของช่าง” ว่าทำไมหนังเทียมถึงถูกเลือกใช้แทนวัสดุอื่น และทำไมถึงกลายเป็นวัสดุยอดนิยมในวงการเฟอร์นิเจอร์ระดับมืออาชีพ

เบาะนั่งโทรมเร็วกว่าที่คิด เพราะเลือกวัสดุผิดตั้งแต่แรก — หนังเทียม อาจเป็นคำตอบที่ใช่

เบาะนั่งที่สึกหรอเร็ว ไม่ได้เกิดจาก “การใช้งานหนัก” เพียงอย่างเดียว แต่อาจเริ่มจาก “การเลือกวัสดุไม่ถูกประเภท” ตั้งแต่ต้น และหลายคนก็ได้มองข้ามจุดนี้ไป โดยเฉพาะในงานที่ต้องใช้งานบ่อย เช่น โซฟาในออฟฟิศ เก้าอี้ในร้านอาหาร หรือเบาะรถยนต์ที่โดนแดดและเหงื่อทุกวัน วัสดุบางชนิดเช่น Microfiber อาจดูนุ่มนวลสบาย แต่ไม่ได้ออกแบบมาให้ทนต่อแรงเสียดสีหรือคราบสกปรกเท่ากับหนังเทียม

โดยเฉพาะหนังเทียม PVC ที่ถูกพัฒนาให้มีชั้นผิวเคลือบพิเศษ ช่วยป้องกันการขูดขีดและรอยขัดถูได้ดีเยี่ยม นอกจากนี้ยังมีโครงสร้างเส้นใยหนาแน่น ทำให้ไม่เปื่อยหรือหลุดลอกง่ายเมื่อสัมผัสกับแรงกดหรือการใช้งานประจำวัน

ภาพเปรียบเทียบการทดสอบความทนต่อการขัดถูของหนังเทียม PVC กับวัสดุ Microfiber แสดงให้เห็นพื้นผิวที่เรียบเนียนและไม่เป็นขุยของหนัง PVC หลังใช้งาน

ถอดรหัสลับข้อที่ 1: หนังเทียม PVC “ทนต่อการขัดถู” ไม่เป็นขุยแม้ใช้งานหนัก (ความทนทานสูงสุด)

สิ่งที่ช่างมืออาชีพให้ความสำคัญมากที่สุดเมื่อเลือกวัสดุปิดผิวเบาะ คือ “ความทนต่อการสึกหรอ” เพราะนี่คือหัวใจของความคุ้มค่าในระยะยาว และวัสดุที่ทนต่อแรงขัดถูได้ดีไม่เพียงช่วยยืดอายุการใช้งานแต่ยังช่วยรักษาความสวยงามของเบาะให้ดูใหม่อยู่เสมออีกด้วย

หนังเทียม PVC (Polyvinyl Chloride) เป็นวัสดุที่ได้รับการออกแบบมาให้มีโครงสร้างผิวแน่นกว่าหนังเทียมทั่วไป และมีการเคลือบชั้นฟิล์มพิเศษที่ช่วยลดการเสียดสีโดยตรงระหว่างผิวหนังกับเนื้อวัสดุ จึงผ่านการทดสอบ Abrasion Test ได้มากกว่า 30,000 รอบ ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับ “สูงสุด” เมื่อเทียบกับหนังเทียมทั่วไปที่อยู่ราว 10,000–15,000 รอบเท่านั้น

และเมื่อเทียบกับวัสดุ Microfiber ที่แม้จะให้สัมผัสนุ่ม แต่โครงสร้างเป็นเส้นใยละเอียดคล้ายผ้าอาจทำให้เกิดปัญหา “ขุย (Pilling)” ได้ง่าย โดยเฉพาะบริเวณขอบเบาะที่มีการเสียดสีบ่อย เช่น ช่วงเข้าออกประตูรถ หรือบริเวณขอบมุมเก้าอี้ที่ต้องรับแรงเฉพาะจุดเป็นประจำ

ปัญหาที่หลายคนเจอในชีวิตประจำวัน คือ

  • เบาะขาดง่ายจากการวางของหนักหรือของมีคม
  • ผิวเบาะเป็นรอยถลอกจากกระเป๋า เข็มขัดนิรภัย หรือกางเกงยีนส์
  • เนื้อวัสดุเริ่มหลุดลอกเมื่อโดนแดดและเหงื่อสะสม

แต่สำหรับหนังเทียม PVC เกรดพรีเมียม ปัญหาเหล่านี้แทบไม่เกิดขึ้น เพราะมีการเคลือบผิวด้วย UV Protection และ Anti-Scratch Coating ซึ่งช่วยให้วัสดุคงสภาพได้แม้ใช้งานกลางแจ้งหรือในสภาพอากาศร้อนชื้นแบบเมืองไทย

เคล็ดลับจากช่างมืออาชีพ
หากต้องการความทนระดับ “ใช้งานจริงไม่ต้องซ่อมบ่อย” ให้เลือกหนังเทียม PVC ที่ระบุค่า “Martindale Abrasion” ตั้งแต่ 30,000 รอบขึ้นไป และควรมีฟิล์มเคลือบกัน UV ในตัว เพราะนอกจากจะไม่ซีดเมื่อโดนแดดแล้ว ยังช่วยชะลอการกรอบแตกได้อย่างเห็นผลจริง

 ภาพเปรียบเทียบหนังเทียม PVC ที่ถูกเช็ดคราบออกอย่างง่ายดาย กับวัสดุทั่วไปที่มีรอยคราบฝังแน่นและขึ้นรา

ถอดรหัสลับข้อที่ 2: หนังเทียม PVC เช็ดทำความสะอาด “คราบหนัก” ได้ง่ายกว่า ไม่ต้องกลัวรา (สุขอนามัยที่ดีกว่า)

อีกหนึ่ง “รหัสลับ” ที่ทำให้หนังเทียมกลายเป็นวัสดุยอดนิยมของช่างมืออาชีพ คือ “ความง่ายในการดูแลรักษา” ซึ่งมักถูกมองข้ามตอนเลือกวัสดุเบาะในตอนแรก แต่กลับกลายเป็นจุดที่สร้างความแตกต่างในระยะยาวมากที่สุด

เพราะในชีวิตจริง ไม่ว่าจะเป็นเบาะเก้าอี้ทำงาน เบาะรถยนต์ หรือเบาะร้านอาหาร ต่างต้องเผชิญกับ “คราบหนัก” แบบที่ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น ทั้งคราบกาแฟที่หกตอนเช้า, น้ำหวานจากลูกค้า, เหงื่อสะสมจากการใช้งานต่อเนื่อง หรือแม้แต่รอยน้ำมันจากอาหารที่มักซึมลงไปในเส้นใยวัสดุ

หนังเทียม PVC จึงตอบโจทย์อย่างชัดเจน เพราะเพียงใช้ผ้าชุบน้ำสบู่อ่อนๆ เช็ดเบาๆ ก็กลับมาสะอาดได้ทันทีโดยไม่ทิ้งคราบด่างหรือกลิ่นอับให้กวนใจเหมือนวัสดุที่เป็นผ้า

จุดต่างที่หลายคนไม่รู้: “รูพรุนของวัสดุ” คือหัวใจของปัญหา

เพราะวัสดุอย่าง Microfiber หรือผ้าหุ้มเบาะทั่วไป มักมี “รูพรุนระดับไมโคร” สำหรับการระบายอากาศ ซึ่งฟังดูดีในแง่ความนุ่มสบาย แต่กลับเป็นช่องทางให้ความชื้นและคราบซึมลึกเข้าไปภายใน

และผลที่ตามมาคือ

  • คราบกาแฟหรือเหงื่อจะซึมลงชั้นใยใน ทำให้เช็ดไม่ออก
  • เมื่อความชื้นสะสม จะเกิด “เชื้อรา” และ “กลิ่นอับ” ได้ง่าย
  • การทำความสะอาดต้องซักหรือตากแดด ซึ่งจะเสียเวลาและทำให้สีผ้าจางเร็วขึ้น

ในขณะที่หนังเทียม PVC ถูกออกแบบให้ ผิวเรียบเนียน ไม่มีรูพรุน และเคลือบด้วยชั้นโพลีเมอร์กันน้ำ ทำให้สิ่งสกปรกเกาะได้ยาก และคราบไม่สามารถซึมผ่านได้

เพราะฉะนั้นแม้จะเป็นคราบน้ำมันหรือคราบเหนียวจากอาหาร ก็สามารถเช็ดออกได้อย่างรวดเร็วโดยไม่ทิ้งร่องรอยไว้เลย ซึ่งพูดง่ายๆ ก็คือ วัสดุนี้ถูกออกแบบมาให้พร้อมรับมือกับชีวิตจริงในทุกสภาพแวดล้อมโดยเฉพาะในประเทศไทยที่มีทั้ง “อากาศร้อนชื้น” และ “ฝุ่นละอองสูง” ซึ่งเป็นศัตรูตัวร้ายของเบาะผ้าทั่วไป

ตัวอย่างเบาะหนังเทียม PVC ดีไซน์สวย เรียบหรู คุณภาพสูง ราคาคุ้มค่า ใช้งานได้ทนยาวนาน

ถอดรหัสลับข้อที่ 3: หนังเทียม PVC “คุณภาพระดับพรีเมียม” ในราคาที่ประหยัดกว่าหนังแท้และ Microfiber บางรุ่น

หลายคนอาจยังคิดว่า “ของดีจำเป็นต้องแพงเสมอไป” แต่ในมุมของช่างมืออาชีพจริงๆ แล้ว “ของดีคือของที่คุ้มค่า” เพราะวัสดุที่ใช้งานได้ยาวนาน ดูดี และราคาสมเหตุสมผลต่างหาก ที่คือ “ของดีจริง” ในชีวิตจริงของงานตกแต่งและงานผลิตเบาะ

อย่างเช่น หนังแท้ แม้จะให้สัมผัสหรูหราและความรู้สึกพรีเมียม แต่ราคากลับสูงลิบ ทั้งยังต้องการการดูแลรักษามาก เช่น หลีกเลี่ยงแสงแดด ความชื้น และต้องลงครีมบำรุงอยู่เสมอ เพื่อไม่ให้แห้งหรือแตกลาย ซึ่งกลายเป็นต้นทุนแฝงที่หลายคนมองข้ามไป

ในขณะที่หนังเทียม PVC เกรดพรีเมียมรุ่นใหม่ถูกพัฒนาให้ใกล้เคียงหนังแท้มากขึ้น ทั้งในแง่ของผิวสัมผัส (Texture), สี และความยืดหยุ่นของเนื้อวัสดุ แม้ยังมีให้เลือกตั้งแต่พื้นผิวแบบเรียบด้านหรูดูแพง ไปจนถึงลายหนังสัตว์จำลองที่ดูสมจริง เหมาะกับทั้งงานตกแต่งภายใน, เฟอร์นิเจอร์, เบาะรถยนต์ หรือแม้แต่เบาะสำนักงาน

ปัญหาที่หลายคนเจอ คือ

อยากได้เบาะนั่งที่ “ดูดีเหมือนใหม่ไปนานๆ” แต่พอหาข้อมูลแล้ว หนังแท้ราคาสูงเกินงบ ส่วน Microfiber รุ่นดีๆ ก็มีราคาพอๆ กัน หรือสูงกว่าในบางกรณี ตรงนี้เองที่ “หนังเทียม PVC” กลายเป็นตัวเลือกที่สมดุลระหว่าง “งบประมาณ” และ “คุณภาพ” ได้ดีที่สุด เพราะเมื่อเทียบราคาในภาพรวมหนังเทียม PVC มีต้นทุนต่ำกว่าหนังแท้ถึง 60–70% และยังถูกกว่า Microfiber เกรดสูง ราว 30–40% แต่ยังให้ความทนทานและอายุการใช้งานใกล้เคียงกัน โดยเฉพาะในรุ่นที่มีการเคลือบชั้นกันรอยขีดข่วน (Scratch Resistant) และเคลือบป้องกัน UV ซึ่งช่วยให้สีไม่ซีดง่ายแม้โดนแสงแดดโดยตรง

และอีกจุดเด่นที่ “แปลกใหม่” และหลายคนอาจยังไม่รู้คือ หนังเทียม PVC รุ่นใหม่ในปัจจุบันถูกออกแบบให้มีคุณสมบัติ “Breathable Surface” หรือพื้นผิวที่หายใจได้ ช่วยลดการสะสมความร้อนจากร่างกาย ทำให้นั่งได้นานโดยไม่รู้สึกอับ เหมาะอย่างยิ่งกับงานออฟฟิศ ห้องประชุม หรือรถยนต์ที่ต้องนั่งต่อเนื่องหลายชั่วโมง
และที่สำคัญด้วยเทคโนโลยีการผลิตที่พัฒนาอย่างต่อเนื่อง หนังเทียม PVC สมัยนี้ยังสามารถย่อยสลายได้บางส่วน (Eco PVC) และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ซึ่งเป็นอีกเหตุผลที่ผู้บริโภครุ่นใหม่เริ่มหันมานิยมเลือกใช้อย่างกว้างขวาง เหมาะกับทั้งคนทำเฟอร์นิเจอร์ ช่างตกแต่งภายใน ไปจนถึงเจ้าของบ้านที่ต้องการอัปเกรดพื้นที่ให้ดูพรีเมียมขึ้นโดยไม่ต้องจ่ายเกินจำเป็น

หนังเทียม PVC เหมาะกับงานแบบไหนบ้าง

หลายคนอาจยังไม่รู้ว่า “หนังเทียม” ไม่ได้ถูกใช้เฉพาะในโซฟาหรือเบาะรถเท่านั้น แต่จริงๆ แล้วคือวัสดุสารพัดประโยชน์ที่สามารถปรับตัวเข้ากับทุกประเภทของงานตกแต่ง ทั้งในบ้าน สำนักงาน ร้านค้า ไปจนถึงพื้นที่เชิงพาณิชย์ขนาดใหญ่ เพราะจุดแข็งของหนังเทียม คือการรวมเอาความสวยงามแบบหนังแท้ เข้ากับคุณสมบัติทนทานของวัสดุสังเคราะห์ได้อย่างลงตัว จึงกลายเป็น “วัสดุแห่งยุค” ที่ตอบโจทย์ทั้งนักออกแบบ ช่างเฟอร์นิเจอร์ และเจ้าของธุรกิจ ที่ต้องการงานที่ทั้งดูดี ใช้งานได้จริง และดูแลรักษาง่ายในระยะยาว เช่น

1. เฟอร์นิเจอร์ภายในบ้าน ที่ให้ความนุ่ม สบาย และคงทนในทุกการสัมผัส

อย่างเบาะโซฟา เก้าอี้ หรือหัวเตียงที่หุ้มด้วยหนังเทียม PVC จะให้ผิวสัมผัสที่ “คล้ายหนังแท้” แต่ดูแลง่ายกว่า เพราะไม่ดูดซับเหงื่อหรือคราบน้ำมันจากผิวหนังเหมือนหนังแท้
นอกจากนี้ยังมีให้เลือกหลายลวดลายและเฉดสี ตั้งแต่โทนธรรมชาติไปจนถึงเมทัลลิกทันสมัย จึงสามารถ “ออกแบบ mood & tone ของบ้าน” ได้ตรงใจมากกว่า

จุดเด่นที่หลายคนไม่รู้คือ

หนังเทียม PVC สามารถกันไรฝุ่นได้ดีกว่าผ้าเบาะทั่วไป เหมาะอย่างยิ่งกับบ้านที่มีเด็กเล็กหรือสัตว์เลี้ยง เพราะไม่กักเก็บขนหรือกลิ่น

2. งานตกแต่งภายในรถยนต์ ให้ความทนแดด เหงื่อ และทนต่อแรงเสียดสีได้เป็นอย่างดี

เพราะภายในรถยนต์คือหนึ่งในพื้นที่ที่ “ทดสอบวัสดุได้หนักที่สุด” เพราะต้องเจอทั้งรังสี UV เหงื่อ ความร้อน และแรงกดทับซ้ำๆ ทุกวัน หนังเทียม PVC จึงกลายเป็นตัวเลือกหลักของช่างเบาะรถมืออาชีพ เพราะมันมี ชั้นเคลือบพิเศษ (Protective Layer) ที่ช่วยป้องกันสีซีดและการแตกร้าว แม้จะจอดตากแดดในอุณหภูมิสูงก็ตาม

อีกทั้งยังไม่อมกลิ่นอับชื้นและสามารถเช็ดทำความสะอาดคราบเหงื่อหรือกาแฟได้ง่าย เหมาะกับผู้ใช้รถที่ต้องการ “ความเรียบร้อยเหมือนใหม่” อยู่เสมอ

3. ร้านอาหาร / ร้านกาแฟ ให้ความสวยหรู ทำความสะอาดง่าย และถูกสุขลักษณะ

ในยุคที่ “ร้านอาหารสวย” คือส่วนหนึ่งของประสบการณ์ลูกค้า วัสดุอย่างหนังเทียมจึงเป็นคำตอบของการตกแต่งที่ “ทั้งดูดีและดูแลง่าย” เพราะไม่ว่าจะเป็นเบาะเก้าอี้ โต๊ะ หรือผนังตกแต่ง ก็สามารถใช้หนังเทียม PVC ได้ทั้งหมด เนื่องจากทนความชื้น ทนคราบ และไม่ดูดกลิ่นอาหาร

และด้วยความที่พื้นผิวไม่เป็นรูพรุน จึงไม่สะสมแบคทีเรีย ซึ่งเป็นเหตุผลหลักที่หลายร้านอาหารและคาเฟ่เลือกใช้แทนเบาะผ้า เพราะตอบโจทย์ทั้งความสะอาดและดีไซน์ในเวลาเดียวกัน

4. สำนักงานและโรงแรม ที่มอบความหรูหราแบบมืออาชีพที่สามารถดูแลได้ง่าย

เช่นโซนรับรองแขก ห้องประชุม หรือเลานจ์ในโรงแรม มักต้องการวัสดุที่ “ให้ภาพลักษณ์พรีเมียม” แต่ยังคงทนต่อการใช้งานหนัก หนังเทียม PVC คือคำตอบที่สมบูรณ์แบบ เพราะสามารถคงสีและรูปทรงของเบาะได้ยาวนาน ไม่ย่น ไม่ย้วย และไม่แตกเป็นรอยแม้ใช้งานต่อเนื่อง

และที่สำคัญยังสามารถสั่งผลิตให้เข้ากับสี corporate หรือ concept การตกแต่งเฉพาะตัวของแต่ละองค์กรได้อีกด้วย

5. คลินิก / โรงพยาบาล ที่เน้นวัสดุที่ “มีสุขอนามัยสูงสุด”

หนึ่งในจุดเด่นที่ทำให้หนังเทียม PVC ได้รับความนิยมในวงการสาธารณสุข คือ ผิววัสดุที่ป้องกันเชื้อราและแบคทีเรียได้ดีเยี่ยมเพราะไม่มีรูพรุนให้สิ่งสกปรกซึมเข้าไป
เหมาะกับการใช้หุ้มเบาะเตียงคนไข้ เก้าอี้รอตรวจ หรือเฟอร์นิเจอร์ในห้องทำหัตถการ ที่ต้องการความสะอาดเป็นพิเศษ

อีกทั้งยังสามารถใช้น้ำยาฆ่าเชื้อหรือแอลกอฮอล์เช็ดได้โดยไม่ทำลายผิวหนังเทียม ซึ่งเป็นสิ่งที่วัสดุอื่น เช่น Microfiber หรือหนัง PU บางชนิดไม่สามารถทนได้ในระยะยาว

ทำไมช่างมืออาชีพถึงเลือกใช้หนังเทียม PVC

ข้อที่ 1: “ยืดหยุ่นสูง เข้ารูปง่าย” งานละเอียดไม่ต้องกลัวรอยพับ

หนึ่งในความลับที่ช่างรักคือ ความยืดหยุ่น (Flexibility) ของหนังเทียม PVC ที่มากกว่าวัสดุประเภท PU หรือ Microfiber เพราะเมื่อต้องหุ้มเบาะโค้ง มุม หรือพื้นผิวที่มีความซับซ้อน หนัง PVC สามารถ “ดึงและเข้ารูป” ได้โดยไม่แตกลาย และไม่เกิดรอยรั้งหลังเย็บ
นอกจากนี้เนื้อฟิล์มยังคงความแน่น ไม่ย่นหลังการใช้งาน ทำให้งานออกมาดูเรียบตึง เหมือนผ่านการรีดด้วยเครื่องประดับอุตสาหกรรม

ข้อที่ 2: “สีไม่ซีด ไม่เหลือง” แม้โดนแดดหรือเช็ดด้วยน้ำยา

อีกหนึ่งปัญหาที่ช่างต้องเจอคือ “สีหนังเปลี่ยน” เมื่อใช้งานไปนานๆ โดยเฉพาะวัสดุ PU หรือ Microfiber ที่มีการเคลือบผิวบาง แต่หนังเทียม PVC มีชั้นเคลือบผิว (Top Coat) ที่ทนต่อรังสี UV และสารเคมี ทำให้สีคงทน แม้ผ่านการใช้งานกลางแจ้ง หรือในห้องที่โดนแดดแรงทุกวัน

ข้อที่ 3: “กันน้ำ เช็ดคราบง่าย” ลดเวลาในการดูแลรักษา

จุดแข็งของหนังเทียม PVC คือ “ไม่ดูดซึมน้ำและไม่อมคราบ” ช่างหลายคนจึงแนะนำให้ใช้กับงานที่ต้องเผชิญกับของเหลว เช่น

  • ห้องอาหารหรือคาเฟ่
  • เบาะรถยนต์
  • เฟอร์นิเจอร์กลางแจ้ง

เพราะเพียงใช้ผ้าชุบน้ำหมาดๆ เช็ดเบาๆ ก็สามารถล้างคราบมัน หรือเครื่องดื่มที่หกได้ทันที แถมยังช่วยลดปัญหาเรื่องกลิ่นอับและเชื้อรา ซึ่งเป็นสิ่งที่วัสดุผ้าและ Microfiber มักพบเจออีกด้วย

ข้อที่ 4: “ต้นทุนคุ้มค่า แต่ผลลัพธ์ระดับพรีเมียม”

ถึงแม้หนังเทียม PVC จะมีราคาย่อมเยากว่าหนังแท้หลายเท่า แต่ด้วยเทคโนโลยีการผลิตสมัยใหม่ เช่น Emboss Texture และการเคลือบผิว UV ทำให้มี “สัมผัสและลายเสมือนหนังแท้” ส่งผลให้ต้นทุนการผลิตลดลง แต่ภาพรวมงานดูหรูเหมือนใช้วัสดุระดับ Hi-End

ทำให้เสียงจากช่างจริง: “ลูกค้าหลายคนดูไม่ออกว่านี่ไม่ใช่หนังแท้” และนั่นคือเหตุผลที่หนังเทียม PVC ถูกเลือกในงานตกแต่งโชว์รูม รถยนต์ และร้านอาหารระดับพรีเมียม

สรุป

หนังเทียมไม่ได้เป็นเพียงวัสดุราคาย่อมเยา แต่เป็นทางเลือกที่ “ฉลาดและคุ้มค่า” สำหรับใครที่ต้องการงานเบาะที่สวย ทน สะอาด และดูดีในระยะยาว

ไม่ว่าจะเป็นงานตกแต่งภายใน เฟอร์นิเจอร์สำนักงาน หรือร้านอาหาร หนังเทียม PVC คือคำตอบที่ได้รับความไว้วางใจจากช่างมืออาชีพทั่วประเทศ เพราะให้ทั้งความแข็งแรง ความสวยงาม และราคาที่เข้าถึงได้จริง

อย่าเลือกวัสดุผิดตั้งแต่แรก! หากคุณกำลังมองหาวัสดุหนังเทียม PVC เกรดพรีเมียม สำหรับงานเบาะ เฟอร์นิเจอร์ หรือโปรเจกต์ตกแต่งภายใน ติดต่อทีมผู้เชี่ยวชาญของเรา เพื่อรับคำแนะนำฟรี และตัวอย่างวัสดุจริงได้เลยวันนี้

Facebook: ขายหนังเทียม PVC PU ผ้าฝ้าย กำมะหยี่ ราคาถูก Golden Dragon PVC 064-935-7788 

Line ID: @goldendragonpvc
โทรศัพท์: 099 029 4155

FAQ

Q : หนังเทียม PVC กับหนัง PU ต่างกันอย่างไร
A : หนัง PVC ทนแดด ทนน้ำ และเช็ดคราบง่ายกว่า ส่วน PU ให้สัมผัสนุ่มกว่าแต่เปื่อยง่าย

Q : หนังเทียม PVC ใช้ภายนอกได้ไหม
A : ได้ หากเป็นรุ่นที่มีการเคลือบ UV Protection เหมาะกับงานกลางแจ้ง เช่น เบาะร้านอาหารหรือเรือ

Q : ทำไมช่างเฟอร์นิเจอร์ถึงนิยมใช้หนังเทียม PVC มากที่สุด
A : เพราะติดตั้งง่าย ราคาคุ้มค่า และให้ความคงทนที่ตอบโจทย์งานเชิงพาณิชย์ได้ดีกว่าวัสดุอื่น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *