fbpx

หนังเทียม PU แห่งอนาคต | “ผ้าหนังเทียม PU” สวย ทน และยั่งยืน

ในยุคที่โลกให้ความสำคัญกับความยั่งยืนและจริยธรรมทางสิ่งแวดล้อม วัสดุที่เป็นมิตรต่อธรรมชาติจึงได้รับการพัฒนาและนำมาใช้มากขึ้นในทุกอุตสาหกรรม และหนึ่งในวัสดุที่โดดเด่นและเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องคือ “หนังเทียม PU (Polyurethane Leather)” วัสดุสังเคราะห์ที่สามารถเลียนแบบผิวสัมผัสของหนังแท้ได้อย่างใกล้เคียง อีกทั้งยังมีคุณสมบัติพิเศษด้านความยืดหยุ่น ความทนทาน และความสวยงามที่สามารถปรับแต่งได้ตามความต้องการของผู้ออกแบบ

ด้วยเทคโนโลยีการผลิตที่พัฒนาอย่างไม่หยุดยั้งในปัจจุบันทำให้ผ้าหนังเทียม PU จึงไม่ใช่เพียง “วัสดุทดแทนหนังแท้” อีกต่อไป แต่ได้กลายเป็นนวัตกรรมแห่งอนาคตที่ผสานความงาม ดีไซน์ การใช้งาน และความใส่ใจต่อสิ่งแวดล้อมไว้ในผืนเดียวได้อย่างสมบูรณ์แบบ

ทำความรู้จัก “หนังเทียม PU” | วัสดุสังเคราะห์ที่เลียนแบบหนังแท้ได้อย่างเหนือชั้น

หนังเทียม PU (Polyurethane Synthetic Leather) ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อเลียนแบบคุณสมบัติของหนังแท้ ทั้งในด้านผิวสัมผัส ความนุ่ม และความเงางาม แต่แตกต่างจากหนัง PVC ตรงที่มีความยืดหยุ่นและการระบายอากาศที่ดีกว่า อีกทั้งยังมีความสามารถในการขึ้นรูปและเคลือบพื้นผิวให้มีลวดลายหรือสีสันตามต้องการ

องค์ประกอบสำคัญของผ้าหนังเทียม PU

ผ้าหนังเทียม PU (PU Coated Textile) เป็นวัสดุสังเคราะห์ที่ถูกออกแบบให้มีโครงสร้างหลายชั้น เพื่อเลียนแบบคุณสมบัติของหนังแท้ โดยแต่ละชั้นมีหน้าที่เฉพาะที่ช่วยให้หนังเทียมมีประสิทธิภาพสูงและใช้งานได้อย่างหลากหลาย ประกอบด้วย 3 ชั้นหลักดังนี้

1. ผ้าฐาน (Textile Carrier)

ทำหน้าที่เป็นโครงสร้างหลักของวัสดุ ช่วยเพิ่มความแข็งแรง ทนต่อแรงดึงและแรงฉีกขาด พร้อมทั้งให้ความยืดหยุ่นในระดับที่เหมาะสมเพื่อรองรับการเคลื่อนไหวของผลิตภัณฑ์ เช่น เบาะรถยนต์หรือโซฟา โดยทั่วไปนิยมใช้เส้นใยโพลีเอสเตอร์หรือไนลอน ซึ่งมีความเหนียวและอายุการใช้งานยาวนาน

2. ชั้นโพลียูรีเทนพรุน (Porous PU Layer)

หัวใจสำคัญของหนังเทียม PU เป็นตัวกำหนดคุณสมบัติด้าน “สัมผัสและการระบายอากาศ” โดยชั้นนี้จะมีโครงสร้างรูพรุนขนาดเล็ก (Microporous Structure) ที่ช่วยให้อากาศถ่ายเทได้ดี จึงให้ความรู้สึกนุ่มสบายและยืดหยุ่นใกล้เคียงหนังแท้ เหมาะสำหรับงานที่ต้องสัมผัสโดยตรง เช่น เสื้อผ้า รองเท้า หรือเบาะนั่งที่ต้องการสัมผัสที่นุ่มนวล

3. ชั้นเคลือบผิว (Top Coat & Finish)

เป็นชั้นสุดท้ายที่ทำหน้าที่เสริมความสวยงามและเพิ่มความคงทนให้กับผิวหนังเทียม โดยใช้เทคโนโลยีการเคลือบผิวเพื่อเพิ่มความเงา สี และลวดลายตามต้องการ พร้อมทั้งช่วยป้องกันรอยขีดข่วน รอยเปื้อน และการซีดจางจากแสงแดด ทำให้ผิวหนังเทียมดูหรูหรา ทันสมัย และดูแลรักษาง่าย

เมื่อองค์ประกอบทั้งสามชั้นทำงานร่วมกันอย่างสมบูรณ์ผ้าหนังเทียม PU จึงกลายเป็นวัสดุที่มีทั้งความแข็งแรง ความนุ่มนวล และความสวยงามในเวลาเดียวกัน เหมาะอย่างยิ่งสำหรับอุตสาหกรรมที่ต้องการความสมดุลระหว่างดีไซน์และความทนทาน

ตัวอย่างการใช้งานที่หลากหลายของหนังเทียม PU

หนังเทียม PU ไม่ได้เป็นเพียงวัสดุสังเคราะห์ที่ใช้ทดแทนหนังแท้ แต่เป็น “วัสดุแห่งการออกแบบยุคใหม่” ที่สามารถปรับตัวเข้ากับทุกสไตล์และทุกอุตสาหกรรมได้อย่างลงตัว เพราะนอกจากจะให้สัมผัสนุ่มหรูเหมือนหนังแท้แล้ว ยังมีความยืดหยุ่น ทนทาน และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากกว่าเดิม

ไม่ว่าจะอยู่ในบ้าน รถยนต์ หรือแฟชั่น หนังเทียม PU ต่างมีบทบาทที่แตกต่างแต่โดดเด่นในทุกบริบท เช่น

1. เฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งบ้า

โซฟาที่หุ้มด้วยหนังเทียม PU จะให้ทั้งความสบายและความทนทานในเวลาเดียวกัน และมีผิวสัมผัสเนียนนุ่มช่วยยกระดับบรรยากาศภายในบ้านให้ดูอบอุ่นแต่หรูหรา อีกทั้งยังทำความสะอาดง่าย เหมาะกับการใช้ในคาเฟ่ โรงแรม หรือสำนักงานที่ต้องการความเรียบหรูแบบมืออาชีพ

2. อุตสาหกรรมยานยนต์

จากห้องโดยสารรถยนต์หรูไปจนถึงเบาะจักรยานยนต์ หนังเทียม PU ถูกเลือกนำมาใช้เพราะทนต่อแรงเสียดสี ความร้อน และรังสี UV ได้ดี อีกทั้งยังคงรูปลักษณ์ใหม่แม้ใช้งานต่อเนื่องยาวนาน ช่วยลดน้ำหนักของชิ้นส่วนได้โดยไม่ลดความรู้สึกพรีเมียม

3. แฟชั่นและเครื่องแต่งกาย

ในตอนนี้แบรนด์ระดับโลกจำนวนมากเริ่มหันมาใช้ผ้าหนังเทียม PU ในการผลิตเสื้อผ้า กระเป๋า และรองเท้า เพราะนอกจากจะให้ดีไซน์ที่หลากหลายแล้ว ยังสะท้อนแนวคิด “แฟชั่นที่ยั่งยืน (Sustainable Fashion)” ได้อย่างแท้จริง ทั้งยังสามารถขึ้นรูปได้ง่ายและให้สัมผัสที่หรูหราไม่ต่างจากหนังแท้

4. งานตกแต่งภายในเชิงสถาปัตยกรรม

ผิวหนังเทียม PU จะถูกนำไปใช้ในงานหุ้มผนัง แผงตกแต่ง หรือเบาะในพื้นที่สาธารณะ เช่น โรงแรม สนามบิน และห้องประชุม เพื่อเพิ่มมิติทางดีไซน์ พร้อมตอบโจทย์การใช้งานที่ต้องการทั้งความสวยงามและความทนทานสูงสุด

กล่าวได้ว่า หนังเทียม PU คือวัสดุที่ผสมผสาน “ศิลปะของผิวสัมผัส” เข้ากับ “วิศวกรรมของความยั่งยืน” ได้อย่างสมบูรณ์แบบ เพราะไม่ว่าจะอยู่ในมือของนักออกแบบหรือผู้ผลิต ก็สามารถสร้างสรรค์ผลงานที่ทั้งสวย ใช้งานได้จริง และดีต่อโลกไปพร้อมกัน

กระบวนการผลิตหนังเทียม PU (Polyurethane Leather) ในปัจจุบัน

กระบวนการผลิต “ผ้าหนังเทียม PU

กระบวนการผลิตหนังเทียม PU (Polyurethane Leather) ในปัจจุบันได้พัฒนาอย่างต่อเนื่อง เพื่อยกระดับคุณภาพทั้งในแง่ของผิวสัมผัส ความทนทาน และความยั่งยืนต่อสิ่งแวดล้อม ที่เปลี่ยนจากวัสดุสังเคราะห์ธรรมดากลายเป็นวัสดุนวัตกรรมที่ตอบโจทย์ทั้งวงการแฟชั่น เฟอร์นิเจอร์ และอุตสาหกรรมยานยนต์ โดยสามารถแบ่งออกเป็น 3 กระบวนการหลัก ที่มีเทคโนโลยีและจุดเด่นแตกต่างกันดังนี้

1. กระบวนการแห้ง (Dry Process)

เป็นวิธีการเคลือบเรซิน PU ลงบนผ้าฐาน (Base Fabric) แล้วนำไปอบเพื่อให้ตัวทำละลายระเหยออก เหลือเพียงชั้นฟิล์ม PU ที่เรียบเนียนและคงรูปได้ดี

จุดเด่น

  • ผลิตได้รวดเร็วและควบคุมสี ลวดลาย หรือความหนาได้อย่างแม่นยำ
  • ผิวสัมผัสเรียบหรู ดูมีมิติ ให้ความรู้สึกหรูหราในงานตกแต่ง
  • เหมาะสำหรับการใช้งานที่ต้องการความเงางามและพื้นผิวเนียนต่อเนื่อง เช่น งานหุ้มผนังหรือเฟอร์นิเจอร์สำนักงาน

ข้อจำกัด

  • การระบายอากาศต่ำ จึงไม่เหมาะกับผลิตภัณฑ์ที่ต้องสัมผัสกับผิวโดยตรงเป็นเวลานาน เช่น เสื้อผ้าหรือรองเท้า

กล่าวได้ว่ากระบวนการแห้งจึงเป็น “หัวใจของงานตกแต่งภายใน” ที่เน้นความเนี้ยบ ความเรียบ และความคงทนของพื้นผิวเป็นหลัก

2. กระบวนการเปียก (Wet Process)

หรือที่เรียกว่าเทคโนโลยี “Coagulation” เป็นกระบวนการที่ทำให้เนื้อ PU จับตัวในน้ำจนเกิดเป็น โครงสร้างรูพรุน (Microporous Structure) ทำให้หนังเทียมมีความยืดหยุ่นและสามารถ “หายใจได้” คล้ายหนังแท้

จุดเด่น

  • ระบายอากาศได้ดีเยี่ยม ลดการอับชื้นและเพิ่มความสบายในการใช้งาน
  • ผิวสัมผัสนุ่มเป็นธรรมชาติ เหมือนหนังแท้ทั้งรูปลักษณ์และการสัมผัส
  • ทนต่อการพับงอและรอยขีดข่วน เหมาะกับการใช้งานที่ต้องการความยืดหยุ่นสูง

การใช้งานหลัก

นิยมใช้ในรองเท้ากีฬา เบาะรถยนต์ เสื้อผ้าแฟชั่น หรือสินค้าไลฟ์สไตล์ที่ต้องสัมผัสผิวโดยตรง เพราะให้ทั้งความสบายและความทนทานในเวลาเดียวกัน

3. กระบวนการปลอดตัวทำละลาย (Solvent-Free Process)

ขั้นตอนนี้คือเทคโนโลยีรุ่นใหม่ล่าสุดที่ถูกพัฒนาเพื่อตอบโจทย์ยุคแห่งความยั่งยืน (Sustainability) โดยลดการใช้สารเคมีและมลพิษในกระบวนการผลิตหนังเทียม PU ที่ผลิตด้วยวิธีนี้จึงเป็นมิตรกับทั้งผู้ใช้และสิ่งแวดล้อม

ตัวอย่างเทคโนโลยีที่กำลังได้รับความนิยม

1. Waterborne PU (WBPU)

เป็นกระบวนการที่ใช้น้ำแทนตัวทำละลายเคมี ช่วยลดการปล่อยสารระเหย (VOCs) ขณะผลิต ผิวที่ได้มีน้ำหนักเบาและสัมผัสนุ่ม เหมาะกับสินค้าแฟชั่นและงานตกแต่งภายในที่ให้ความรู้สึก “หรูแต่เป็นมิตรต่อโลก”

2. 2K PU Leather (2-Component PU)

ในกระบวนการนี้จะใช้ระบบเคมีสองส่วนโดยไม่ต้องพึ่งตัวทำละลายเลย ทำให้ได้ฟิล์ม PU ที่แข็งแรง ยืดหยุ่นสูง และคงทนต่อการใช้งานระยะยาว นิยมใช้ในเบาะรถยนต์ระดับพรีเมียม เฟอร์นิเจอร์หรู และสินค้าแบรนด์เนมระดับไฮเอนด์

คุณสมบัติเด่นของหนังเทียม PU

หนังเทียม PU ได้รับความนิยมเพราะผสานทั้งความสวยงามและฟังก์ชันการใช้งานได้อย่างลงตัว โดยมีคุณสมบัติเด่นดังนี้

1. สัมผัสนุ่มเป็นธรรมชาติ (Soft Touch)

โดยหนังเทียม PU จะมีพื้นผิวที่นุ่มละมุนและให้ความรู้สึกอบอุ่นเมื่อสัมผัส แตกต่างจากวัสดุ PVC ที่มักให้ผิวแข็งกระด้าง ด้วยความยืดหยุ่นสูง ทำให้สามารถโอบรับรูปทรงได้ดี เหมาะอย่างยิ่งสำหรับงานดีไซน์ที่ต้องการทั้ง “ความสวยงาม” และ “ความสบายในการใช้งาน” ไม่ว่าจะเป็นเบาะโซฟา เบาะรถยนต์ หรือของตกแต่งภายใน

2. ทนต่อการขีดข่วนและการเสียดสี

หนึ่งในจุดแข็งที่ทำให้หนังเทียม PU ได้รับความนิยมในอุตสาหกรรมระดับโลก คือ “ความทนทาน” ที่ผ่านการทดสอบมาตรฐานสากล เช่น Martindale Test ที่แสดงให้เห็นว่าหนังเทียม PU เกรดไมโครไฟเบอร์สามารถทนต่อการเสียดสีได้มากกว่า 100,000 รอบ โดยไม่เกิดรอยขีดข่วนหรือฉีกขาด จึงมั่นใจได้ในอายุการใช้งานที่ยาวนานแม้อยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีการใช้งานหนัก

3. น้ำหนักเบาแต่แข็งแรง

ด้วยโครงสร้างโพลียูรีเทนที่มีความหนาแน่นต่ำ หนังเทียม PU จึงมีน้ำหนักเบากว่าหนังแท้หลายเท่า ส่งผลให้สามารถช่วย “ลดน้ำหนักโดยรวมของผลิตภัณฑ์” ได้อย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะในงานออกแบบเฟอร์นิเจอร์และยานยนต์ ซึ่งต้องคำนึงถึงทั้งความสวยงามและประสิทธิภาพด้านพลังงาน

4. คงทนต่อแรงดึงและแรงฉีกขาด

แม้มีน้ำหนักเบาแต่หนังเทียม PU กลับมีความแข็งแรงสูงสามารถรับแรงดึงและแรงฉีกขาดได้ใกล้เคียงกับหนังแท้ อีกทั้งยังดูแลรักษาง่ายกว่า ไม่ขึ้นรา และไม่แข็งตัวเมื่อโดนความชื้น จึงเหมาะกับการใช้งานในระยะยาวทั้งในร่มและกลางแจ้ง

การยืดอายุการใช้งานและการดูแลรักษา

แม้หนังเทียม PU จะมีความทนทานสูง แต่การดูแลรักษาที่ถูกต้องก็เป็นปัจจัยสำคัญในการยืดอายุการใช้งาน

สาเหตุของการลอก (Peeling)

ปัญหาการ “ลอก” ของหนังเทียม PU มักไม่ได้เกิดจากอายุการใช้งานเพียงอย่างเดียว แต่เป็นผลมาจากการเปลี่ยนแปลงของความชื้น (Hydration & Dehydration) ที่เกิดขึ้นซ้ำๆ ในแต่ละวัน c]tเมื่อวัสดุได้รับความชื้นสูงแล้วแห้งเร็วเกินไป ชั้นเคลือบ PU จะเริ่มแยกตัวออกจากผ้าฐาน ทำให้เกิดรอยแตกและการลอกในที่สุด

นอกจากนี้ยังมีปัจจัยอื่นๆ อีกด้วย เช่น 

  • การวางใกล้แหล่งความร้อน 
  • การโดนแดดจัดเป็นเวลานาน 
  • การใช้น้ำยาทำความสะอาดที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ 

หากสังเกตเห็นผิวเริ่มด้านหรือเหนียว นั่นคือสัญญาณเตือนว่าหนังเทียม PU เริ่มสูญเสียความยืดหยุ่น และควรได้รับการดูแลอย่างเหมาะสมก่อนที่ปัญหาจะลุกลาม

วิธีดูแลรักษาอย่างถูกต้อง

1. งดใช้น้ำมันบำรุง เพราะไม่ใช่สปาหนังแท้

น้ำมันหรือครีมบำรุงที่ออกแบบมาสำหรับหนังแท้ อาจกลายเป็นตัวการทำร้ายหนังเทียม PU โดยไม่รู้ตัว เพราะเมื่อซึมเข้าเนื้อวัสดุแล้วจะทิ้งคราบเหนียว ดูหม่นหมอง และกลายเป็นแม่เหล็กดูดฝุ่น จนผิววัสดุดู “เหนื่อยล้า” เร็วกว่าที่ควร

2. เลือกใช้น้ำยาทำความสะอาดที่ออกแบบมาสำหรับหนังเทียมหรือวัสดุ PU โดยเฉพาะ

ใช้ผ้านุ่มชุบน้ำหมาดๆ เช็ดเบาๆ เพื่อขจัดคราบสกปรกเหมือนการรีเฟรชผิว จากนั้นให้เลือกน้ำยาเคลือบหรือสเปรย์ที่ออกแบบมาเพื่อวัสดุ PU โดยเฉพาะเพื่อรักษาความสมดุลของความชื้นในเนื้อของวัสดุ

3. เก็บรักษาในที่อากาศถ่ายเท

หนังเทียมก็ต้องการอากาศเช่นกัน ดังนั้นควรวางในที่อากาศถ่ายเท ไม่อับชื้น และห่างจากแสงแดดโดยตรง เพราะรังสี UV และความร้อนจะทำให้ผิวหนังแข็งกรอบ สูญเสียความยืดหยุ่น จนเกิดการลอกหรือแตกในระยะยาว

Golden Dragon PVC & หนังเทียม PU ที่ปลอดภัยต่อคุณและโลก

เพราะเราทุกคนอยู่ในยุคที่ผู้บริโภคใส่ใจทั้งสุขภาพและสิ่งแวดล้อม ดังนั้นการเลือกวัสดุที่ปลอดภัยและยั่งยืนจึงสำคัญอย่างยิ่ง และ Golden Dragon PVC ของเราก็มีสินค้าที่ตอบโจทย์นี้อย่างได้ครบถ้วน ผ่านการรับรองมาตรฐานสากล REACH และ OEKO-TEX® Standard 100 ที่ให้คุณมั่นใจได้ว่าทุกผลิตภัณฑ์ไม่เพียงปลอดภัยต่อร่างกาย แต่ยังเป็นมิตรต่อโลก

นอกจากนี้เรายังให้ความสำคัญกับการผลิตอย่างรับผิดชอบ ด้วย Vegan Leather ที่ปราศจากส่วนผสมจากสัตว์ พร้อมเทคโนโลยี WBPU / Bio-Based PU ที่ใช้วัตถุดิบจากพืช เช่น น้ำมันละหุ่งและข้าวโพด ลดการปล่อยสารเคมีและขยะจากกระบวนการผลิต ทำให้คุณได้ทั้งวัสดุที่สวยงาม ทนทาน และใส่ใจสิ่งแวดล้อม

สรุป

หนังเทียม PU ไม่ได้เป็นเพียงวัสดุทดแทนหนังแท้ แต่คือ “สัญลักษณ์ของนวัตกรรมและความยั่งยืน” ที่ตอบโจทย์โลกยุคใหม่ ทั้งในอุตสาหกรรมแฟชั่น เฟอร์นิเจอร์ ยานยนต์ และการออกแบบตกแต่งภายใน ด้วยเทคโนโลยีการผลิตที่ก้าวล้ำ ผ้าหนังเทียม PU สามารถมอบทั้งความสวยงาม ความนุ่ม ทนทาน และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมได้ในเวลาเดียวกัน

Golden Dragon PVC  หนังเทียม PU สวย ทน และใส่ใจโลก

เลือก Golden Dragon PVC เพื่อสัมผัสหนังเทียม PU และผ้าหนังเทียม PU คุณภาพสูง สวย ทน และยั่งยืนสำหรับทุกโปรเจกต์ของคุณ

ติดต่อเพื่อรับคำแนะนำและโปรโมชั่นพิเศษ 

Facebook: ขายหนังเทียม PVC PU ผ้าฝ้าย กำมะหยี่ ราคาถูก Golden Dragon PVC 064-935-7788 

Line ID: @goldendragonpvc
โทรศัพท์: 099 029 4155

FAQ

Q : หนังเทียม PU แตกต่างจาก PVC อย่างไร
A: หนังเทียม PU (Polyurethane Leather) แตกต่างจาก PVC ตรงที่ PU มีความนุ่มและยืดหยุ่นสูง ให้สัมผัสใกล้เคียงหนังแท้ อีกทั้งระบายอากาศได้ดีกว่า จึงไม่อับชื้นและรู้สึกสบายเมื่อสัมผัส ส่วน PVC มีความแข็งกระด้าง น้ำหนักมาก และระบายอากาศได้น้อย จึงเหมาะกับงานตกแต่งที่เน้นความคงทนมากกว่าความสบาย

Q : ผ้าหนังเทียม PU ใช้ในงานอะไรได้บ้าง
A : ผ้าหนังเทียม PU ใช้งานได้หลากหลาย ทั้งงานแฟชั่น เช่น เสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า งานเฟอร์นิเจอร์ เช่น โซฟา เบาะรถยนต์ และงานตกแต่งภายใน เช่น ผนังหุ้ม แผงตกแต่ง หรือเบาะในโรงแรม สนามบิน และห้องประชุม เนื่องจากมีความสวยงาม ทนทาน และง่ายต่อการดูแลรักษา

Q : วิธีดูแลหนังเทียม PU ให้คงทนทำอย่างไร
A : เพื่อยืดอายุการใช้งานของหนังเทียม PU ควรปฎิบัติตามคำแนะนำ ดังนี้

  1. งดใช้น้ำมันหรือครีมบำรุงหนังแท้ เพราะอาจทำให้เกิดคราบเหนียวและดึงฝุ่น
  2. ใช้น้ำยาทำความสะอาดที่ออกแบบมาสำหรับ PU หรือไวนิล โดยใช้ผ้านุ่มชุบน้ำหมาด ๆ เช็ดเบา ๆ
  3. เก็บในที่อากาศถ่ายเท ไม่อับชื้น และหลีกเลี่ยงแสงแดดโดยตรง เพื่อป้องกันการลอกและแตกของชั้น PU

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *